ขั้นตอนการทำ SEO เว็บไซค์ให้ติดหน้าแรก อย่างเป็นระบบ

ระบบ SEO ติดหน้าแรกหลายคนอาจสงสัยเมื่อเวลาเราพิมพ์ Search อะไรก็ตามใน Google

การทำระบบ SEO ติดหน้าแรกหลายคนอาจสงสัยเมื่อเวลาเราพิมพ์ Search อะไรก็ตามใน Google, อะไรเป็นตัวชี้วัดว่าจะให้เว็บไซต์ไหนขึ้นมาเป็นอันดับแรก หรือ อันดับสอง ถ้าจะให้ตอบแบบง่ายๆ ก็ต้องตอบว่า ‘Google’ เพราะ Google นี่แหละคือตัวที่จะตัดสินเว็บไซค์ทุกอย่าง แต่จริง ๆ แล้ว Search Engine ชั้นนำอย่าง Google จะมีระบบประมวลผล ด้วยระบบ AI ที่เป็นตัวคอยคัดกรองเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่มีจำนวนหลายล้านเว็บ และเลือกนำมาแสดงผลเพื่อให้สอดคล้องกับ คำค้นหา หรือที่เรียกว่า keyword ที่ใช้พิมพ์ search นั่นเอง ซึ่งผมขอเรียกชื่อเล่นของ AI ตัวนี้ว่า Google Bots จะมี Algorithm ที่ซับซ้อน ในการเลือกหรือจัดอันดับเว็บไซต์ที่จะนำมาแสดงผลนั้นเอง

ขั้นตอนการเริ่มต้นทำ SEO อย่างเป็นระบบ

คงอยากรู้กันแล้วใช่ไหมว่าการทำ SEO ทําอย่างไร มีขั้นตอนอะไรบ้าง เรามาไล่เรียงตั้งแต่ต้นไปด้วยกันเลย

ขั้นตอนที่1. วางโครงสร้างเว็บ
ถ้าเกิดคนใดยังไม่มีเว็บ ให้เริ่มวางโครงสร้างก่อน ถ้ามีแล้ว ให้ทดลองดูอีกทีว่าเว็บของคุณมีโครงสร้างที่เป็นระบบระเบียบปฏิบัติแล้วหรือยัง เว็บไซต์ที่เป็นระบบเป็นการจัดวางตามหมู่ ใช้ URL ให้สอดคล้องกับหมวดหมู่ เป็นลำดับขั้น อ่านง่าย ด้วยเหตุว่าโครงสร้างเว็บไซต์ที่ดีจะช่วยทำให้ Google รู้จักเว็บได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น แล้วก็ยังเลือก Keyword ในลำดับต่อไปได้มีคุณภาพกว่าด้วย

สำหรับผู้ที่สร้างเว็บใหม่จะได้เปรียบกว่า เพราะว่าสามารถทำรายละเอียด โครงสร้าง รวมทั้ง Optimize ให้ตอบโจทย์ SEO ที่สุดได้ในทีเดียวเลย

ขั้นตอนที่2. วิเคราะห์ และก็เลือก Keyword
เครื่องมือที่สามารถใช้วิเคราะห์ Keyword ได้ดีก็จะมี Keyword Planner, Ubersuggest และก็ kwfinder โดยสามารถทดลองไปเลือกเล่นดูได้ตามความชำนาญ

แต่ละเครื่องไม้เครื่องมือจะแสดงตัวเลขหลักๆเป็น ปริมาณการค้นหาเฉลี่ยในแต่ละเดือน เพื่อดูว่า Keyword แต่ละคำมีการค้นหามากน้อยแค่ไหน หากมีการค้นหามาก แสดงว่าถ้าเว็บไซต์ของคุณติดหน้าแรก ก็ได้โอกาสเพิ่ม Organic Traffic ได้เยอะขึ้น

แต่ว่า! จะต้องมองความกลมกลืนกับธุรกิจด้วย เนื่องจากว่าคำที่การค้นหามากส่วนใหญ่จะเป็นคำสั้นๆยกตัวอย่างเช่น “ผ้าม่าน” “คอนโด” “รถยนต์” ซึ่งจะกว้างเหลือเกินสำหรับธุรกิจของคุณ ดังเช่นว่า ถ้าหากธุรกิจเป็น ขายรถยนต์มือสอง แต่ว่าใช้ Keyword คำว่า “รถยนต์” แสดงว่าคุณจำเป็นต้องไปแข่งกับอีกหลายๆเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับรถยนต์ ทั้งยังเปรียบเทียบราคารถยนต์ ข่าวสารรถยนต์ ซ่อมแซมรถยนต์ อะไหล่รถยนต์ แล้วก็อีกเยอะมาก ซึ่งแม้ธุรกิจของคุณเป็น ขายรถยนต์มือสอง ก็ควรจะจุดโฟกัสไปที่ Keyword กลุ่มนี้เลย

ขั้นตอนที่3. สร้างคอนเทนต์บนเว็บ
หลังจากได้ Keyword แล้ว สามารถเริ่มเขียนคอนเทนต์บนเว็บได้เลย ซึ่งสิ่งที่จำเป็นเป็นรายละเอียดจะต้องเป็นผลดีต่อผู้ใช้ในสายตาของ Google ตัวอย่างเช่น คนอ่านอ่านแล้วได้คำตอบ ได้ประโยชน์

แม้คนใดมีความรู้สึกว่าเพียงแค่ใส่ Keyword จำนวนมากบนเว็บ หรือในคอนเทนต์ อย่างนี้ไม่ดีครับผม เพราะว่าเว็บไซต์ของคุณอาจโดน Google ลงโทษ แล้วก็หายไปจากสารระบบของ Google เลยก็เป็นไปได้

โดยการ Optimize ลึกๆในส่วนนี้ บางทีอาจจำต้องให้ผู้ชำนาญเข้ามาช่วยมองว่าคอนเทนต์ควรจะสร้าง และก็ปรับไปในแนวทางไหน ควรจะ Optimize อะไรบ้างที่อยู่ในรายละเอียดบ้าง เพราะเหตุว่าแต่ละเว็บ แต่ละ Keyword ใช้วิธีการสำหรับการทำคอนเทนต์ SEO ที่ไม่เหมือนกัน บาง Keyword บางทีอาจปรับคอนเทนต์หน้าแรก บาง Keyword บางทีอาจปรับคอนเทนต์ในส่วนของ บทความ SEO

ขั้นตอนที่4. On-page Optimization
ขั้นตอนต่อไปก็จะต้องมา Optimize หน้านั้นๆได้แก่ Meta Title, Meta Description, Keyword Density รวมทั้งการ Optimize เชิงเคล็ดวิธี ที่มีผลต่อเรื่อง Page Speed หรือความเร็วสำหรับในการโหลดหน้านั้นๆตัวอย่างเช่นเรื่องไฟล์รูปภาพ เรื่องการเรียกใช้รหัสต่างๆฯลฯ

แม้เป็นเว็บใหม่เลย บางครั้งอาจจะทำ Optimize ได้ง่ายกว่า เพราะเหตุว่าสามารถเริ่ม Optimize ได้ตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานของเว็บ แม้กระนั้นถ้าเกิดเป็นการปรับเว็บเก่า กลุ่ม SEO บางทีอาจปรับได้เฉพาะนิดหน่อยซึ่งสามารถปรับได้ แต่ว่านิดหน่อยที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างระบบหลักของเว็บบางทีอาจจะจำเป็นต้องให้กลุ่ม Programmer เข้ามาช่วยมอง

รวมทั้งถ้าเกิดเว็บใช้งานเป็นแบบเว็บสำเร็จรูป ก็บางทีอาจจะถูกจำกัดขอบเขตสำหรับการปรับแก้อยู่บ้างเหมือนกัน ซึ่งข้าง SEO Specialist ก็จะยังสามารถช่วยทำให้แต่งได้ เท่าที่ระบบรองรับสำหรับการแก้ไข

สรุปเป็นเว็บอะไรก็สามารถปรับปรุงแก้ไขหน้าเว็บได้ แต่ว่าได้มากน้อยเพียงใดอยู่ที่ระบบเดิม และก็ข้อกำหนดของเว็บ ซึ่งจำเป็นต้องให้กลุ่ม SEO มองเป็น Case by Case ว่าเว็บไซต์ไหน จำต้องปรับอะไร ซึ่งจำต้องปรับตลอดบ่อยๆ หรือแม้เว็บไซต์ไหนเก่าเกินที่จะปรับ การสร้างเว็บใหม่บางทีอาจออมงบประมาณกว่า แล้วก็ตอบปัญหาสำหรับในการทำ SEO ระยะยาวมากยิ่งกว่าก็เป็นไปได้

ขั้นตอนที่5. Link Management
การบริหารลิงก์หมายถึงกลยุทธ์ SEO ที่สำคัญไม่แพ้กับข้อที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นลิงก์ข้างในเว็บ หรือลิงก์ที่มาจากเว็บอื่น หรือบางบุคคลเรียกว่า Backlink

การทำ Backlinkเป็นหนึ่งในเคล็ดลับของ Off-page Optimization จำเป็นที่จะต้องทำบ่อยเป็นประจำ แล้วก็ควรจะมาจากเว็บที่มีคุณภาพ เพราะถ้าหากมีลิงก์มาจากเว็บไซต์ที่เป็นสแปม หรือมีคุณภาพต่ำ ก็จะมีผลลบต่อเว็บของคุณเองด้วย​

โดยแนวทางที่เป็นที่ชื่นชอบที่สุดเป็นการเขียนคอนเทนต์ดีๆบนเว็บ และก็รอให้เว็บอื่นนำคอนเทนต์ของพวกเราไปอ้างอิงแล้วก็ใส่เป็นเครดิตบนเว็บเขา ลิงก์กลับมายังเว็บของพวกเรา แต่ว่าวิธีแบบนี้บางทีอาจใช้เวลา เนื่องจากว่าไม่ใช่ทุกเว็บไซต์ที่จะเอารายละเอียดของพวกเราไปอ้างอิง

อีกแนวทางเป็นการส่งบทความของเว็บเราไปยังเว็บอื่นๆเพื่อเว็บพวกนั้นพิจารณาทำแชร์บทความบนเว็บของเขา โดยในบทความนั้นก็อาจมีลิงก์กลับมาที่เว็บพวกเรา วิธีการแบบนี้เรียกกันว่า Outreach

วิธีการทำลิงก์จะต้องทำบ่อยเป็นประจำ แม้คุณติดอุปสรรคต่อการทำ Outreach ให้เว็บอื่นลงบทความ สามารถติดต่อพวกเรา เพื่อที่จะได้ให้พวกเราจัดการหัวข้อการทำลิงก์ แล้วก็บทความ SEO ให้ท่าน

สรุป ประโยชน์ และ ความสำคัญของการทำ SEO

การทำ SEO คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร สําคัญอย่างไร SEO เป็น Organic Traffic ที่เราไม่ต้องไปเสียเงินค่าโฆษณาให้กับ Google ดังนั้นยิ่งมี Traffic เข้ามาที่เว็บไซต์มากเท่าไหร่ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจมากเท่านั้น เพราะมีผู้คนจำนวนมากเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณ ทำให้ยอดขายก็จะตามมา แต่ก็ขึ้นอยู่ที่ Keyword ด้วย อย่างเช่น คุณขายเสื้อผ้า แต่เว็บไซต์ไปติดหน้า Google ใน Keyword “สอนตัดเย็บผ้า” แบบนี้ก็คงไม่ได้ยอดขาย เพราะคนที่ค้นหาว่า สอนตัดเย็บผ้า ต้องการค้นหาที่เรียน ไม่ได้หาบริการ ดังนั้น Keyword ก็ต้องตรงตามธุรกิจของคุณเช่นกัน จึงจะมีผู้เข้าชมเว็บไซต์ก็จะเพิ่มขึ้นตามกลุ่มเป้าหมาย